BYD เร่งการขยายตัวทั่วโลกด้วยโมเดลใหม่ปี 2025 ที่มุ่งเป้าไปที่ตลาดต่างประเทศ
เซินเจิ้น ประเทศจีน — BYD ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ชั้นนำของโลก เปิดเผยแผนอันทะเยอทะยานในการเจาะตลาดทั่วโลกในปี 2025 โดยเปิดตัวยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) หลายรุ่นที่เหมาะกับตลาดต่างประเทศ โดยอาศัยผลงานการขายที่ทำลายสถิติและการเติบโตอย่างรวดเร็วในต่างประเทศ บริษัทจึงตั้งเป้าที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับการดำเนินงานในภูมิภาคสำคัญๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ
1. โมเดลใหม่ที่สำคัญ
A. บีวายดี ซีล 07 DM-i & EV (ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้)
Seal 07 ซึ่งเป็น SUV ขนาดกลางระดับพรีเมียมภายใต้ Ocean Series ของ BYD จะเปิดตัวในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในช่วงกลางปี 2025 โดยออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Model Y ของ Tesla โดยมีดีไซน์ที่ล้ำสมัย เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด DM-i ขั้นสูง และรุ่น EV ล้วนๆ โดยรุ่น RWD มีระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน WLTC ที่ 590 กม. ในขณะที่รุ่น AWD มีระยะทางวิ่งที่ 540 กม.
B. BYD Shark Pickup (ตลาดโลก)
หลังจากเปิดตัวในต่างประเทศแล้ว BYD Shark ซึ่งเป็นรถกระบะไฮบริดแบบปลั๊กอินจะขยายตลาดไปยังตลาดอื่นๆ รถกระบะรุ่นนี้สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม DMO โดยสามารถเร่งความเร็วจาก 5.7 ถึง 0 กม./ชม. ได้ใน 100 วินาที วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ 100 กม. ตามมาตรฐาน NEDC และมีดีไซน์ที่ทนทานซึ่งมุ่งเป้าไปที่กลุ่มพรีเมียมที่สูงกว่า Great Wall Cannon
ซี.ซีล 05 EV (รุ่นโกลบอล)
Seal 05 EV รถยนต์ SUV ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนขนาดกะทัดรัดที่มีดีไซน์ล้ำสมัย ได้รับการออกแบบให้เป็นยานยนต์ระดับโลก ด้วยตัวถังที่สั้นลง (4520 มม.) และหลักอากาศพลศาสตร์ที่ได้รับการปรับปรุง จึงผสานความคุ้มราคาเข้ากับเทคโนโลยี Blade Battery รุ่นที่สองของ BYD ซึ่งเหมาะสำหรับตลาดในเมือง
D. Fang Cheng Bao Titan 3 (ตลาดสำหรับเยาวชน)
Titan 3 เป็นรถยนต์ SUV ขนาดกะทัดรัดภายใต้แบรนด์ย่อย Fang Cheng Bao ของ BYD มาพร้อมมอเตอร์คู่ (ด้านหน้า 110 กิโลวัตต์ ด้านหลัง 200 กิโลวัตต์) และอัตราเร่ง 4.9 วินาที เน้นย้ำความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดและคุณสมบัติล้ำสมัย เช่น ช่องจอดโดรนบนหลังคาที่เป็นทางเลือก
2. ฐานการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ระดับโลก
ยอดขายในต่างประเทศของ BYD พุ่งสูงขึ้น 83.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในเดือนมกราคม 2025 โดยอยู่ที่ 66,336 คัน ซึ่งขับเคลื่อนโดยการผลิตภายในประเทศและความร่วมมือที่เข้มข้น บริษัทได้จัดตั้งฐานการผลิตในฮังการี ไทย บราซิล และอุซเบกิสถาน เพื่อปรับกระบวนการซัพพลายเชนให้มีประสิทธิภาพและลดต้นทุน กองเรือที่บริษัทเป็นเจ้าของเองซึ่งประกอบด้วยเรือแบบโรลออน/โรลออฟ รวมถึงเรือ Explorer No.1 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ให้ดียิ่งขึ้น
ในเกาหลีใต้ รถบัสไฟฟ้าของ BYD วิ่งไปแล้วกว่า 100 ล้านกิโลเมตร ช่วยลดการปล่อย CO12,000 ได้ถึง 2025 ตัน รถบัสท่องเที่ยวไฟฟ้าที่จะเปิดตัวในปี XNUMX จะช่วยขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ยานยนต์เชิงพาณิชย์
3. ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี
รุ่นใหม่ผสานรวมเทคโนโลยี DM รุ่นที่ 5 ของ BYD และระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง DiPilot 100 พร้อมด้วยฟีเจอร์การจดจำไฟแดง การรักษาเลนในสภาพถนนที่ซับซ้อน และระบบจอดรถอัตโนมัติ
4. ผลกระทบต่อตลาด
ยอดขายทั่วโลกของ BYD อยู่ที่ 4.27 ล้านคันในปี 2024 ทำให้บริษัทครองตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เป็นอันดับ 19 ของโลก โดยในปี 2025 บริษัท BYD มีแผนเปิดตัวรถรุ่นใหม่ 7 รุ่น ซึ่งรวมถึงรถเรือธงระดับหรูอย่าง Yangwang U9 และ Denza NXNUMX ซึ่ง BYD พร้อมที่จะท้าทายแบรนด์หรูแบบดั้งเดิมไปพร้อมกับทำให้รถยนต์พลังงานใหม่เป็นที่สนใจในตลาดเกิดใหม่
ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริหาร
Liu Xiulang ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ BYD กล่าวว่า "กลยุทธ์ปี 2025 ของเรามุ่งเน้นไปที่การสร้างความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับผู้บริโภคและมอบโซลูชันการเดินทางที่ยั่งยืนและล้ำสมัยทั่วโลก Seal 07 และ Shark เป็นตัวอย่างของการมุ่งมั่นของเราต่อนวัตกรรมและการเข้าถึงทั่วโลก"
มองไปข้างหน้า
แผนงานปี 2025 ของ BYD เน้นย้ำถึงความทะเยอทะยานของบริษัทในการครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก โดยผสมผสานโมเดลสมรรถนะสูงเข้ากับการจำหน่ายภายในประเทศเชิงกลยุทธ์ ขณะที่บริษัทกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการขยายตัวในยุโรปและอเมริกาเหนือ การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี การออกแบบ และความยั่งยืนของบริษัทยังคงกำหนดนิยามใหม่ของภูมิทัศน์ยานยนต์